บทที่ 2 ตอนที่ 6
เทคนิควิธีส่งเสริมให้เด็กเรียนรู้พัฒนาทักษะอารมณ์-สังคม
ทักษะอารมณ์และสังคมเป็นทักษะทีใช้เชื่อมโยงกับการเรียนรู้เรื่องอื่นๆ เด็กๆ จึงจำเป็นต้องเรียนรู้พัฒนาอารมณ์และสังคมควบคู่ไปกับการเรียนรู้วิชาการและเรื่องอื่นๆ ด้วย จากวิทยานิพนธ์เรื่อง การศึกษากระบวนการพัฒนาการเรียนรู้ทางอารมณ์และสังคม สำหรับเด็กในช่วงรอยเชื่อมต่อทางการศึกษาจากชั้นเรียนอนุบาลสู่ชั้นเรียนประถมศึกษา ปีที่ 1 ของผู้ช่วยศาสตราจารย์ ยศวีร์ สายฟ้า รองคณบดีคณะครุศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้เสนอหลักการและแนวปฏิบัติที่จะทำให้เด็กๆ ได้เรียนรู้พัฒนาทักษะอารมณ์ สังคม ซึ่งคุณครูสามารถนำไปใช้ได้ไม่ยาก
1. ครูเป็น “แบบอย่าง” ที่ดี
ครูเป็นแบบอย่างที่ดีในด้านการควบคุมการแสดงอารมณ์ รวมถึงการยอมรับข้อผิดพลาดของตนเอง
- ครูเป็นต้นแบบในการแสดงอารมณ์อย่างเหมาะสมและปฏิบัติต่อเด็กทุกคนอย่างเท่าเทียม
- ครูส่งเสริมแนวคิดการต่อต้าน (Bullying) ทั้งในและนอกห้องเรียน
- ครูปลูกฝังให้เด็กปฏิบัติดีต่อผู้อื่น และสามารถเล่นด้วยกันได้อย่างร่วมมือ
- ครูเป็นแบบอย่างในการยอมรับข้อผิดพลาดของตนเอง โดยสามารถกล่าวคำขอโทษเมื่อตัวเองกระทำผิด
- ครูปลูกฝังแนวคิดเกี่ยวกับการทำผิดพลาดว่าเป็นการเรียนรู้มากกกว่าเป็นความผิด
สิ่งที่เด็กได้เรียนรู้
เด็กสามารถยอมรับข้อผิดพลาดของตนเอง โดยไม่แสดงความก้าวร้าวหรือยึดตัวเองเป็นศูนย์กลางเมื่อทำผิด สามารถเล่นกับเพื่อต่างเพศหรือต่างห้องเรียนได้
2. ครูและเด็กมีปฏิสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน
โดยสามารถอภิปรายแลกเปลี่ยนความคิดความรู้สึกของตนเองได้อย่างตรงไปตรงมา สามารถสื่อสารข้อดีและข้อควรปรับปรุงของกันและกันได้ รวมถึงให้ความเคารพและรับฟังความคิดเห็นด้วยเหตุผล
- ครูแสดงความคิดเห็นหรือให้ข้อมูลป้อนกลับ (feedback) แก่เด็กอย่างสม่ำเสมอ
- ครูและเด็กมีการพูดคุยหรืออภิปรายเกี่ยวกับความรู้สึกและอารมณ์ของเด็กในแต่ละวัน
- ครูสนับสนุนการแสดงพฤติกรรมที่ถูกต้องตามระเบียบของห้องเรียน
- ครูสนับสนุนให้เด็กเคารพเหตุผลและการตัดสินใจของผู้อื่น
สิ่งที่เด็กได้เรียนรู้
เด็กสามารถบอกสิ่งที่ตัวเองชอบหรือทำได้ดี บอกความรู้สึกตนเองในแต่ละสถานการณ์ สามารถปฏิบัติตามกฎของห้องเรียนหรือโรงเรียนได้ เคารพในการตัดสินใจของผู้อื่น เช่น สามารถควบคุมอารมณ์ตัวเองได้ และสามารถหาแนวทางในการเล่นด้วยวิธีอื่นเมื่อเพื่อนปฏิเสธที่จะเล่นด้วย
3. ครูจัดบรรยากาศที่ส่งเสริมให้เด็กได้แสดงออกทางความคิดอย่างอิสระ
โดยสามารถอภิปราย แลกเปลี่ยนความคิด ความรู้สึกของตนเองได้อย่างตรงไปตรงมา สามารถสื่อสารข้อดีและข้อควรปรับปรุงของกันและกันได้ รวมถึงให้ความเคารพและรับฟังความคิดเห็นด้วยเหตุผล
- ครูสร้างบรรยากาศการเรียนรู้ที่เป็นมิตร เปิดโอกาสให้เด็กได้แสดงความคิดเห็น โดยไม่มีการตัดสินว่าความคิดดังกล่าวเป็นสิ่งที่ถูกหรือผิด
- ครูจัดกิจกรรมการเรียนรู้ที่หลากหลาย และเปิดโอกาสให้เด็กได้ทดลองทำกิจกรรมใหม่ๆ
สิ่งที่เด็กได้เรียนรู้
เด็กสามารถทดลองปฏิบัติในสิ่งที่ตัวเองไม่เคยทำ พูดสื่อสารความต้องการของตนได้
4. ครูอธิบายให้ข้อมูลเกี่ยวกับกฎระเบียบ กติกา และสิ่งที่เด็กต้องปฏิบัติในแต่ละวัน
รวมถึงให้แนวทางหรือตัวเลือกในการทำงานและปฏิบัติตน เพื่อให้เด็กได้เรียนรู้ที่จะเลือกปฏิบัติในสิ่งที่เหมาะสมอย่างมีประสบการณ์
- ครูอธิบาย ทำความใจเกี่ยวกับข้อตกลง กฎ ระเบียบของห้องเรียน โรงเรียน ตั้งแต่ช่วงต้นภาคเรียน
- ครูให้ข้อมูลว่าในแต่ละวันเด็กต้องทำสิ่งใดบ้าง เพื่อให้รู้สิ่งที่ต้องทำล่วงหน้า
- ครูเตรียมข้อมูลที่แสดงให้เด็กเห็นและเข้าใจสิ่งที่ต้องทำในแต่ละวัน เช่น การติดตารางสอนให้เห็นชัดในห้องเรียน
- ครูอธิบายและสอนให้เข้าใจถึงลักษณะการแสดงอารมณ์ที่เหมาะสม โดยยกตัวอย่างสถานการณ์ต่างๆ รวมถึงเป็นแบบอย่างที่ดีในการแสดงอารมณ์ในสถานการณ์ต่างๆ
- ครูอธิบายคำสั่งหรือสิ่งที่ต้องทำอย่างชัดเจนเป็นขั้นตอน รวมถึงบอกระยะเวลาในการทำงานแต่ละขั้น เพื่อเป็นแนวทางให้เด็กรู้ว่าควรปฏิบัติอย่างไรให้บรรลุเป้าหมายที่วางไว้
- ครูให้ตัวเลือกแก่เด็กในการทำงานหรือแสดงพฤติกรรม อธิบายข้อดี ข้อเสียของแต่ละตัวเลือก เพื่อให้เด็กมีข้อมูลในการตัดสินใจว่าจะเลือกกระทำอย่างไร
สิ่งที่เด็กได้เรียนรู้
เด็กสามารถบอกกฎระเบียบของห้องเรียน/ โรงเรียนได้ ปฏิบัติตนตามกิจวัตรประจำวันได้ ควบคุมการแสดงออกทางอารมณ์ได้อย่างเหมาะสม ทำงานที่ได้รับมอบหมายสำเร็จ สามารถเลือกปฏิบัติในสิ่งที่ดี
5. ครูเรียนรู้ ทำความเข้าใจลักษณะนิสัย จุดเด่น จุดด้อยของเด็กแต่ละคน
เพื่อจะได้เข้าใจความคิดและความรู้สึกของเด็กแต่ละคน รวมถึงเพื่อที่จะสามารถวิเคราะห์หาแนวทางในการพัฒนาเด็กแต่ละคนได้อย่างมีประสิทธิภาพ
- ครูใช้การสังเกตเพื่อทำความรู้จักลักษณะนิสัย และการแสดงออกขั้นพื้นฐานของเด็ก เพื่อหาแนวทางที่เหมาะสมในการอบรมเด็กที่มีการแสดงออกทางอารมณ์ต่างกัน
- ครูทำความรู้จักข้อดีข้อเสียของเด็กแต่ละคน และส่งเสริมให้เห็นข้อดีของตนเองและผู้อื่น เพื่อให้เด็กเห็นว่าทุกคนมีข้อดี และใช้ชีวิตด้วยกันด้วยความเคารพต่อตนเองและผู้อื่น โดยความเคารพต่อตนเองและผู้อื่นเป็นสิ่งที่จะทำให้เด็กอยู่ร่วมกับผู้อื่นได้ และมีปฏิสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน
- ครูทำความเข้าใจอารมณ์ความรู้สึกของเด็กในแต่ละสถานการณ์ และให้โอกาสเด็กในการสื่อความคิด หรืออธิบายสิ่งที่กำลังเผชิญ
สิ่งที่เด็กได้เรียนรู้
สามารถแสดงออกทางอารมณ์ได้อย่างเหมาะสม มีปฏิสัมพันธ์ที่ดีกับเพื่อนร่วมชั้นเรียน สามารถบอกปัญหาที่กำลังเผชิญได้
ความรู้ชุด “ดูแลเด็กยุคโควิด” โดย สถาบัน RLG (รักลูก เลิร์นนิ่ง กรุ๊ป)
ปรารถนา หาญเมธี เขียน
ผาณิต บุญมาก เรียบเรียง
ภาวนา อร่ามฤทธิ์ บรรณาธิการ